AES+F
1987, Moscow, Russia
AES+F is an artist collective formed by the name of AES in 1987, by three Russian artists: Tatiana ARZAMASOVA, Lev EVZOVICH, Evgeny SVYATSKY, and joined in 1995 by Vladimir FRIDKES (1956), at which point the group was renamed to AES+F.
The collective works in photography, video, and animation, as well as more traditional media, such as painting, drawing, and sculpture. AES+F’s early works included performance, installation, painting, and illustration. Well known for their monumental video-art installations that Gareth Harris, The Art Newspaper editor, described as “monumental painting set in motion”, AES+F created grand visual narratives that explore contemporary global values, vices, and conflicts.
AES+F exhibited for the first time in 1989 with a solo show at Howard Yezerski Gallery in Boston, and a performance at the Carpenter Center at Harvard University in Cambridge. The group expanded with an addition of the photographer Vladimir Fridkes in 1995 and subsequently changed its name to AES+F.
The groupachieved worldwide recognition and was highly praisedin the Russian Pavilion at the 52nd Biennale di Venezia in 2007 for itsLast Riot, the first in a trilogy of large-scale, multichannel video installations that have come to define AES+F aesthetics. The second of the series, The Feast of Trimalchio, appeared in Venice in 2009, and the third, Allegoria Sacra, debuted at the 4th Moscow Biennale in 2011. Together, all three projects premiered as The Liminal Space Trilogy in September 2012 at the Martin-Gropius-Bau, Berlin, and the Moscow Manege, the central exhibition hall of the artists’ home city. The Trilogy was shown in the Museum of Fine Arts in La Chaux-De-Fonds, Switzerland in June to September 2014. Most recently all three videos were shown at Albright-Knox Art Gallery, Buffalo, New York in June to September 2015. AES+F’s newest project, Inverso Mundus, was presented at the 56th Venice Biennale as a collateral event at the Magazzinidel Sale.
The group had more than 100 solo exhibitions at museums, exhibition spaces, and commercial galleries worldwide. AES+F works have been shown in such prestigious venues as the Neuer Berliner Kunstverein (Berlin, 1995), ZKM (Karlsruhe, 2011), Casino Luxembourg (Luxembourg, 2006), Kiasma (Helsinki, 2006), the ModernaMuseet (Stockholm, 1999), Tate Britain (London, 2007), Institute of International Visual Arts (Iniva, various UK venues, 2003), the Passage De Retz (Paris, 2007), the Vanhaerents Art Collection (Brussels, 2013), MACRO Future (Rome, 2008), the MuseoThyssen-Bornemisza (Madrid, 2011), The State Russian Museum (St. Petersburg, 2007), Moscow Museum of Modern Art (Moscow, 2008), Musée des Beaux-Arts (La Chaux-de-Fonds, 2014), and many others.
เออีเอส+เอฟ
ก่อตั้ง พ.ศ. 2530,พำนักและทำงานที่ สหพันธรัฐรัสเซีย
กลุ่มศิลปินที่รวมตัวกันในนาม “เออีเอส” ในปี 2530 โดยประกอบด้วยสมาชิกแรกเริ่ม 3 คน คือ ทาเทียนา อาซามาโซว่า, เลฟ เอฟโซวิช และ เอฟเจนี่ สวายัทสกี้ และในปี 2538 ได้รับสมาชิกใหม่เพิ่มอีกคน คือ วลาดิเมียร์ ฟริดเคส จึงเปลี่ยนชื่อใหม่เป็น เออีเอส + เอฟ กลุ่มศิลปินจากรัสเซีย 4 คนนี้ มารวมตัวกันจึงทำให้งานมีความหลากหลาย เป็นกลุ่มศิลปินที่มีความถนัดในงานภาพถ่าย, วิดีโอ และแอนนิเมชัน เช่นเดียวกับ การสร้างสรรค์งานจิตรกรรม, วาดเส้นและประติมากรรม ผลงานยุคแรกๆ ของพวกเขา มีทั้งที่เป็น ศิลปะสื่อการแสดงสด, ศิลปะการจัดวาง, จิตรกรรมและภาพประกอบ ผลงานศิลปะจัดวางผสมวิดีโอที่เป็นที่รู้จักของพวกเขา ดังที่ กาเร็ท แฮร์ริส บรรณาธิการของ The Art Newspaper ได้กล่าวถึง เปรียบเหมือนจิตกรรมขนาดใหญ่ที่เคลื่อนไหวได้ AES+F นำเสนอเรื่องราวที่สืบค้นไปที่คุณค่าและวิกฤตการณ์ทางสังคม
กลุ่มศิลปิน AES+F เริ่มต้นทำงานจากกลุ่ม AES ที่มีสมาชิก 3 คน และเริ่มแสดงงานในระดับนานาชาติครั้งแรกในปี 2530 ที่ Howard Yeszerski Gallery เมืองบอสตัน หลังจากได้สมาชิกเพิ่มจนใช้ชื่อ AES+F พวกเขากลายเป็นที่รู้จักไปทั่วโลก หลังจากได้แสดงผลงานใน ศาลารัสเซีย ในเทศกาลศิลปะนานานาชาติ เวนิส เบียนนาเล่ 3 ครั้งติดต่อกัน โดยเป็นซีรีส์งานวิดีโอและศิลปะจัดวางขนาดใหญ่ แบบไตรภาค 3 ตอนจบ ที่สามารถบ่งบอกความเป็นตัวตนของพวกเขาได้เป็นอย่างดี เริ่มที่ปี 2550 ผลงานชื่อ “Last Riot” ในปี 2552, The Feast of Trimalchio และสุดท้าย Allegoria Sacra ในปี 2554 และกลับมาฉายพร้อมกันในชื่อ The Liminal Space Trilogy ที่ Central Exhibition Hall, Moscow Manege บ้านเกิดในปี 2555 ผลงานไตรภาคชุดนี้ยังได้ตระเวณไปแสดงยังพิพิธภัณฑ์ต่างๆ ทั่วโลกมากมาย โครงการล่าสุดของ AES+F ชื่อ Inverso Mundus จัดแสดงในเทศกาลเวนิส เบียนนาเล่ ครั้งที่ 56 ที่ Magazzini del Sale
ด้วยผลงานที่โดดเด่นและชัดเจนในเนื้อหา ทำให้ตลอดระยะเวลา 30 ปี ที่ผ่านมา AES+F ได้รับความสนใจจากวงการศิลปะร่วมสมัยทั่วโลก และได้รับเชิญเข้าร่วมแสดงผลงานในกว่า 100 นิทรรศการ ทั้งในพิพิธภัณฑ์ อาร์ทสเปซ คอมเมอร์เชี่ยลแกลเลอรี่ อาทิ Neuer Berliner Kunstverein เบอร์ลิน ปี 2538, the Moderna Museet สต็อกโฮลม์ ปี 2542, Kiasma เฮลซิงกิ 2549, MACRO Future บรัสเซล เบลเยี่ยม ปี 2551, ZKM คารล์สรูห์ ปี 2554, Musee des Beaux-Ars ฝรั่งเศส ปี 2557 เป็นต้น