Dow Wasiksiri
1956, Bangkok, Thailand
Son of a Thai diplomat, Wasiksiri spent his childhood in different Western countries, according to where his father was posted. This multi-cultural experience has enabled Wasiksiri to view own country and people with a dual insider-outsider perspective.
Wasiksiri attended school in Canberra, Australia during 1963-1965. He then moved to Wellington, New Zealand, where he finished high school, and in 1974 studied architectural draughting for two years at Wellington Polytechnic.New Zealand was where Wasiksiri took interest in photography.
In 1976 at age 20, Wasiksiri moved to Los Angeles. He attended Los Angeles City College, where he was on the Dean’s honor list, and graduated in 1978 with an Associate in Arts degree in Film and Photography. In 1979 he took a Bachelor of Arts degree in Radio and Television Broadcasting at California State University, Los Angeles, graduating in 1981.He later returnedto Thailand in 1983andhas been based ever since in Bangkok.
He started his career as a professional photographer by shooting for well-known fashion magazines. His new wave style at that time created quiet a stir in the fashion industry. As well as lighting his models using a colored gel filter, he shot with underexposed tungsten film in the pale light before sunrise to create a saturated bluish effect.
Wasiksiri was also recognized as one of the first Thai photographers to seriously explore his inner psyche and transfer those ideas into surreal photographs. Among his most celebrated series were ‘Composition red (red rock)’ (1982), ’Mysterious shells’ (1993), and ‘Dreams of lost childhood’ (1995).Wasiksiri founded his own studio, Persona, 25 years ago and has been doing commercial photography ever since.
He has had many solo and group exhibitions, and his work hangs in museums as well as private and public collections around the globe. Wasiksiri has also lectured and held seminars at several universities. He is now working on his own book about the Thai way of life, and photographing for two other books due out in the coming months.
He received many major awards throughout his career such as Commercial Photographer of the Year (1990), by Kodak (Thailand), Cannes Lion (2007) Finalist (Anti-gambling Print Ad), and Gold Award for Best Print Ad (Seiko) at AD Fest, Asia.
ดาว วาสิกศิริ
เกิด พ.ศ. 2499 จาการ์ตา อินโดนีเซีย พำนักและทำงานที่กรุงเทพมหานคร
ดาว วาสิกศิริ เป็นศิลปินภาพถ่ายที่ประสบความสำเร็จและเป็นที่รู้จักกว้างขวางในเวทีนานาชาติ ดาวเกิดและเติบโตในครอบครัวนักการฑูต ใช้ชีวิตวัยเยาว์อยู่ต่างประเทศนานหลายปี ทั้งออสเตรเลีย นิวซีแลนด์และสหรัฐอเมริกา ทำให้มีประสบการณ์ในสังคมและวัฒนธรรมที่แตกต่างหลากหลาย ส่งผลต่อมุมมองต่อสิ่งต่างๆ รอบตัวของเขาเป็นอย่างมาก ทั้งในสถานภาพคนใน และคนนอกในเวลาเดียวกัน เขาเริ่มต้นวิชาชีพการถ่ายภาพตั้งแต่กลับมาอยู่ในเมืองไทยในปี พ.ศ. 2526 ด้วยการถ่ายภาพแฟชั่นในนิตยสาร แฟชั่นเซ็ทของดาวในขณะนั้น สร้างความประหลาดใจให้กับวงการ เมื่อนำฟิล์ม Tungsten ออกไปถ่ายใน Daylight ซึ่งทำให้สีเพี้ยน และใช้เทคนิคการถ่ายภาพอื่นๆ เท่าที่มีอยู่ในเวลานั้นสร้างสรรค์งานออกมา เขาล้างฟิล์ม Slide ทั้งหมดที่สตูดิโอของเขาเองที่ชื่อ Persona ทำให้สามารถเพิ่มเทคนิคพิเศษต่างๆ ได้ ต่างจากงานของช่างภาพอื่นๆ ในเวลาเดียวกัน เขามีผลงานที่เป็นทั้งงานโฆษณา และงานสร้างสรรค์เชิงศิลปะมาอย่างต่อเนื่อง ดาวเป็นช่างภาพคนแรกๆ ในเมืองไทยที่เริ่มสร้างงานในลักษณะสืบค้นหาตัวตน และจิตภาวะของมนุษย์อย่างจริงจัง เขาได้รวมตัวกับเพื่อนช่างภาพรวม 5 คน ตั้งกลุ่ม Nautilus เพื่อจัดแสดงงานภาพถ่ายร่วมกัน
เขาได้ทุ่มเทให้กับการเก็บบันทึกภาพความเคลื่อนไหวและการเปลี่ยนแปลงต่างๆ ในสังคมไทย จากงานที่ต้องสมบูรณ์แบบไร้ที่ติในงานโฆษณา มาเป็นงานศิลปะภาพถ่ายเชิงความคิด เช่นการถ่ายภาพชนกลุ่มต่างๆ ในประเทศไทย ในเครื่องแต่งกายตามวิถีดั้งเดิมในแต่ละท้องที่ โดยถ่ายทำในพื้นที่จริงในละแวกบ้านของคนเหล่านั้น ด้วยการเซ็ทฉากแบบง่ายๆ นอกบ้านหรือสตูดิโอ ราวกับเป็นการเก็บข้อมูลเชิงชาติพันธ์วิทยา หรือเช่นโครงการที่กำลังทำอยู่ในปัจจุบัน คือ Peri-Urban ดาวถ่ายภาพที่เน้นให้เห็นถึงวิถีชีวิตจริง และสภาพสังคมของพื้นที่ที่เป็นรอยต่อของเมืองและชนบท ซึ่งมักไม่ค่อยมีใครสนใจ ดั่งสารคดีสั้นที่ดูจบในภาพเดียว ดาว นิยามแนวการถ่ายภาพนี้ว่า “Documentary Style Photography”
นิทรรศการเดี่ยวที่ผ่านมามี อาทิ พ.ศ. 2548 Solitude Standing ที่ F./Stop Gallery กรุงเทพฯ, พ.ศ. 2550 Dow Wasiksiri, Photographs 1972-1997 ที่พิพิธภัณฑ์เทคโนโลยีทางภาพ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กรุงเทพฯ, พ.ศ. 2551 Photo Freo 2008 (The City of Freemantle Festival Of Photography) Kulcha Club Freemantle ออสเตรเลีย, Fifth International Photo Art Festival, Kaunas Photo 08 และ Freedom to Photography ที่ Kaunas Picture Gallery of the National M. K. Čiurlionis Museum of Art เคานัส ลิธัวเนีย, พ.ศ. 2553 Tourist ที่กาฎมาณฑุแกลเลอร์รี่ กรุงเทพฯ, พ.ศ. 2559 Quiet Encounters หอศิลปวิทยนิทรรศน์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กรุงเทพฯ และพ.ศ. 2560 In search of Self ที่กาฎมาณฑุ แกลเลอร์รี่ กรุงเทพ
ส่วนนิทรรศการกลุ่มสำคัญมี อาทิ พ.ศ. 2540 Asiatica เมืองน็องต์ ประเทศฝรั่งเศส- กรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา, พ.ศ. 2547 2nd Duyun International Photographic Expo กุ้ยหยาง ประเทศจีน, พ.ศ. 2552 กรุงเทพ กล๊วย กล้วย หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร, พ.ศ. 2554 นิทรรศการ“See Saw Seen IV” หอศิลป์ ดีโอบี หัวลำโพง กรุงเทพ, พ.ศ. 2555 Thai Transience ที่ Singapore Art Museum สิงคโปร์, Action Field Kodra 2012 (Visual Art Festival), เทสซาโลนีกี กรีซ, ศิลปะสมัยรัชกาลที่ 9 ไทยเท่ จากท้องถิ่นสู่อินเตอร์ ที่หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร, พ.ศ. 2556 Photo Phnom Penh, พนมเปญ ประเทศกัมพูชา, Parallax :Asean, Changing Landscapes, Wandering Stars, (ASEAN-Korea Contemporary media Art Exhibition) กรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้, The Social : Encountering Photography, at The Northern Gallery for Contemporary Art, ซันเดอร์แลนด์ อังกฤษ, Photoquai 4 biennale des images du monde-Musée du quaiBranly, กรุงปารีส ฝรั่งเศส, พ.ศ. 2558 Thailand Eye ที่Saatchi gallery ลอนดอน อังกฤษ, พ.ศ. 2559 Tatoueurs, Tatouésat The Field Museum Chicago ชิคาโก สหรัฐอเมริกา และ Royal Ontario Museum ออนแทริโอ แคนาดา, Galapagosization + (plus) – Plural of Modesty ที่ Bangkok Sculpture Center หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร